✒ คุณแม่ตั้งครรภ์

⦾ การเตรียมตัวเป็นคุณแม่ในอนาคต ร่างกายของคุณแม่จะต้องสมบูรณ์เพื่อเตรียมสำหรับการตั้งครรภ์ไม่ควรขาดสารอาหารใดๆ เวลาเฉลี่ยของการตั้งครรภ์ อยู่ 280 วัน หรือ 40 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาที่คุณแม่สามารถมอบพลังงานที่ดีให้กับลูกน้อยได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง พลังที่ดีไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ โภชนาการ ซึ่งไหลผ่านรกเข้าสู่ร่างกาย สมอง จิตใจ ของลูกน้อยในครรภ์ และเรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพของคนเราโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ สารอาหารสำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาการของสมองของทารก ได้แก่
- โปรตีน พบมากในเนื้อสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลิตภัณฑ์นมและไข่ หากขาดจะทำให้การเจริญเติบโตของทารกไม่เป็นปกติ การพัฒนาสมองไม่สมบูรณ์
- แร่ธาตเหล็ก พบมากในเลือด ตับ เนื้อสัตว์ ไข่ หากขาดจะทำให้คุณแม่เป็นโลหิตจางมีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองของทารก
- ไอโอดีน พบมากในอาหารทะเล เกลือเสริมไอโอดีน หากคุณแม่ขาดจะทำให้การพัฒนาสมองทารกผิดปกติ ทารกเกิดมาเป็นโรคเอ๋อ ปัญญาอ่อน หูหนวก เป็นใบ้ การทำงานของกล้ามเนื้อไม่ประสานกัน
- วิตามินโฟเลท พบมากในตับ และผักใบเขียว เช่น กุ่ยช่าย หน่อไม้ฝรั่ง คุณแม่ตั้งครรภ๋ต้องการโฟเลทเพื่อการสร้างเซลล์สมองของทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะครรภ์ไตรมาสแรก
- แคลเซียม เป็นตัวสร้างความเจริญเติบโตและการพัฒนาการสร้างกระดูกในครรภ์คุณแม่ อาหารที่มีแคลเซียมมาก ได้แก่ นมและผลิตภัณพ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย

แนะนำการเลือกรับประทานอาหาร
- เนื้อสัตว์ต่างๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับเนื้อสัตว์ให้พอเพียงในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใดก็ได้ แต่ไม่ควรติดหนัง
- ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ ควรรับประทานทุกวัน ประมาณวันละ 1 ฟอง นอกจากจะมีโปรตีนมากแล้วยังมีธาตุเหล็กและวิตามินเอ มากอีกด้วย
- นมสดและผลิตภัณฑ์จากนม มีโปรตีนสูงและมีแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี ถ้าไม่สามารถดื่นนมได้อาจจะดื่มเป็นนมถั่วเหลืองแทน แต่ควรรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ หรือถั่วเมล็ดแห้งให้มากขึ้น
- ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น เต้าหู้ เป็นต้น ถั่วเมล็ดแห้ง (Bean) คือ ถั่วเปลือกอ่อน เมล็ดอยู่ในฝัก มีสีสันหลากหลาย ส่วนใหญ่มีเมล็ดลักษณะเหมือนรูปไต เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย ลดการดูดซึมไขมันและชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งควรรับประทานสลับกับเนื้อสัตว์ และรับประทานเป็นประจำ
- ข้าวและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ถ้าหากรับประทานเป็นข้าวซ้อมมือจะทำให้ได้วิตามินบี 1 และกากใยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันอาการเหน็บชาและลดอาการท้องผูกได้
- ผักและผลไม้ต่างๆ ควรรับประทานให้หลากหลายตามฤดูกาล และต้องรับประทานผลไม้หลังอาหารทุกมื้อหรือรับประทานเป็นอาหารว่างทุกวัน ผักและผลไม้เป็นแหล่งอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ และกากใยที่ดีมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายสะดวกมากขึ้นและช่วยไม่ให้ท้องผูก
- ไขมันหรือน้ำมัน ควรเลือกน้ำมันที่ได้จากพืชเพราะไม่มีโคเลสเตอรอลและยังมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย อธิเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
แนะนำในการปฎิบัติตัวของคุณแม่ตั้งครรภ์
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายทุกวัน และงดอาหารหมักดอง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม ประเภทแอลกอฮอล์ ยาดอง เหล้า ทุกชนิด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
- งดอาหารรสจัด ได้แก่ หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป
- ออกกำลังกายพอประมาณ
- กินยาบำรุงตามแพทย์สั่งเท่านั้น สำหรับยาอื่นๆควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- เมื่อมีอาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- งดการสูบบุหรี่

ตั้งครรภ์แล้วต้องฝากครรภ์
นมแม่ คุณค่าที่ลูกคู่ควร
นมแม่ดีที่สุด มีราคาแพงที่สุด และไม่ได้มา "ฟรี" อย่างที่ใครคิด นมแม่มีสารอาหารที่สำคัญสำหรับลูกน้อย คือ ไขมันที่จะไปห่อหุ้มเส้นใยประสาทในสมองเด็กที่กำลังเพิ่มการเชื่อมโยงการทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้การทำงานของสมองเด็กสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปรตีนในนมแม่ที่จะช่วยลดโอกาสการเป็นภูมิแพ้ในเด็ก สารต้านการอักเสบในนมแม่ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และไม่สบายของเด็กทำให้เด็กไม่ต้องเสียโอกาสของการพัฒนาความสามารถไปกับความเจ็บป่วย
ซึ่งสารอาหารดังกล่าวทั้งหมดไม่สามารถจะถูกทดแทนได้ด้วย นมผง นมผสม หรือนมอื่นๆได้
นมแม่ดีต่อสุขภาพของลูกน้อย ได้แก่ สมอง โอกาสเพิ่มระดับ IQ 3.160 จุด ในทารกครบกำหนดและ 5.26 จุด ในทารกเกิดก่อนกำหนด สายตา พัฒนาการมองเห็น สานตาคมชัด หู ลดโอกาสเป็นโรคหูน้ำหนวก ช่องปาก กรามล่างแข็งแรง ฟันเกน้อยลงเมื่อโตขึ้น ผิวพรรณ ลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนัง 42% ระบบทางเดินหายใจ โอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจ ปอดบวมน้อยกว่าทารกกินนมผสม 60% ระบบทางเดินอาหาร ลดโอกาสโรคท้องเสียและลำไส้อักเสบน้อยกว่า 64% การย่อยดีแทบไม่มีปัญหาท้องผูก ระบบทางเดินปัสสาวะ โอกาสติดเชื้อน้อยกว่า ไตแข็งแรง เพราะขับของเสียน้อยกว่า
น้ำนมมีสารอาหารหลายชนิดที่ดีมากมายต่อพัฒนาการ พฤติกรรม และอารมณ์ นมแม่ยังเป็นอาหารสมองชั้นเลิศ 3 สารอาหารสำคัญที่พบในนมแม่ ประกอบด้วย MFGM (Milk Fat Globule Membrane) คือ เยื่อหุ้มอนุภาคไขมัน อุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนรวมกว่า 150 ชนิด อธิเช่น ฟอสโฟลิปิด สฟิงโกไมอิลิน และแกงกลิโอไซด์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ DHA คือ กรดไขมันในตระกูลโอเมก้า 3 ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา Prebiotic (2'-FL) คือ ใยอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ เป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ ช่วยทำให้มีจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้เพิ่มขึ้น ช่วยบระบบขับถ่าย ลดโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร
องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ จึงแนะนำให้คุณแม่ให้นมลูกอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หรือให้เต็มที่ในช่วงเวลา 1 -3 ปี